สยาม แมคคาทรอนิค

บทความ

เทคนิคการเลือกลวดวายคัต

04-09-2563 08:45:55น.
การลดต้นทุน....................
แต่เพิ่มประสิทธิภาพของงาน ด้วยการเลือกลวด
ให้เหมาะกับลักษณะงานและชิ้นงาน
     ถ้ามองสภาพเศรษฐกิจในบ้านเราที่ผ่านมาได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
และแน่นอนเมื่อถึงจุดต่ำสุด ช่วงต่อไปจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
และใครที่สามารถเกาะติดสถานการณ์ก็พลิกสภานการณ์การแข่งขันได้
รวดเร็วและมั่นคงก็จะกลับมาเป็นผู้นำได้อีกครั้ง
     การแข่งขันทางด้านการผลิตแม่พิมพ์จะมีบทบาทมากขึ้นเมื่อทั้งทาง
การบริการ คุณภาพ และราคา ดังนั้นการเพิ่มคุณภาพของงานแต่ลดต้น
ทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินกิจการ
     ในยุโรป ลวดที่ใช้กับเครื่องวายคัต โดยทั่วไปจะเป็นลวด coated 
wire ทั้งสิ้น  โดย coated wire นี้ ผลิตออกมาหลายรุ่นเพื่อให้เหมาะ
กับลักษณะงาน ความหนาของชิ้นงาน ความละเอียด ลักษณะตั้งค่าไฟ
ของเครื่องวายคัต แต่ละยี่ห้อ/แต่ละรุ่นอีกด้วย
เหตุที่ต้องเลือกลวดให้เหมาะกับลักษณะดังกล่าวพอสรุปเป็นสังเขป
     1)  เพื่อให้ลวดสามารถนำกระแสไฟฟ้าได้เหมาะสมกับชิ้นงาน เช่น
ชิ้นงานที่เป็นทองแดง ลวดที่นำมาตัดควรเป็นลวดทองเหลือง
ชิ้นงานที่เป็นเหล็ก     ลวดที่นำมาตัดควรเป็นลวดทองแดง
     เพราะทองแดงนำกระแสไฟฟ้าได้ดีกว่าทองเหลือง ดังนั้นชิ้นงาน
ที่นำมาตัดถ้าเป็นชิ้นงานเหล็กจะไม่นำกระแสไฟฟ้า ถ้าใช้ทองเหลือง
ที่นำกระแสไฟฟ้าไม่ดี การตัดงานก็จะไม่เร็ว ผิวงานจะไม่เรียบ อุปกรณ์
นำลวดอาจสึกเร็วขึ้น (เนื่องจากการเพิ่มกระแสไฟระหว่างตัดงาน เพื่อ
ให้ได้งานเร็วขึ้น)
     ลวดโดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของ CU และ ZN  โดย CU จะเป็นตัว
นำกระแสไฟฟ้าที่ดี  ดังนั้นลวดที่มี CU มาก จะสามารถกินเนื้อชิ้นงาน
ได้เร็วและผิวเงานละเอียดกว่าลวดที่มี CU น้อย  นอกจากนั้นงานเหล็ก
และทองแดงแล้ว ยังมีชิ้นงานประเภท carbide, aluminum, graphite
ก็จะนำกระแสไฟฟ้าได้แตกต่างกัน ลวดที่จะนำมาใช้ก็จะแตกต่างกันด้วย
     2)  เหมาะสมกับความหนาและ taper ส่วนสำคัญอีกอย่างที่ควร
ทราบสำหรับการเลือกใช้ลวดคือ tensile strength โดย tensile 
strength นี้ ในเบื้องต้นจะถูกกำหนดโดยตัวเครื่องจักร เช่น เครื่องวาย
คัตที่ผลิตที่ยุโรป ซึ่งใช้ standard DIN และสำหรับเครื่องที่ผลิตในแถบ
เอเชีย เช่น ในญี่ปุ่ / ไทย / เกาหลี / จีน จะใช้ standard JIS
     เครื่อง wire cut ที่ใช้ standard DIN (เช่น Agie-Charmilles) โดย
ทั่วไปแรงดึงของลวด (tensile strength) ของลวดจะอยู่ที่ประมาณ
441 N/mm2 และถ้าเป็น wire cut ที่ใช้ standard JIS เช่น Sodick
Mitsubishi,Makino,Fanuc เป็นต้น โดยทั่วไปแรงตึงของลวด tensile
strength ของลวดจะอยู่ที่ประมาณ 980 N/mm2 (100kg/mm2)
ลวด wire cut ที่ขายอยู่ในบ้านเราพอจะแบ่งได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้
       ชนิดของลวด วายคัต      แรงดึง tensile strength
S soft     390-490 N/mm2  
SH simi hard 491-700 N/mm2  
H hard     900    N/mm2  
SPH special hard 1000-1200 N/mm2
SPE  special elongation 2%     900    N/mm2  
  Taper          Highest    Cutting Rate at workpiece height of
degree Precision   < 150 mm.      > 150 mm.
< 7 SH, H, SPH, SPE SH,H,SPE,SPH      H, SPH  
8-20 SH, S   SH, S        SH, H  
>20 S,SS   SH, S        SH, S  
     ตารางข้างต้นใช้เป็นแนวทางในการเลือกลวดได้พอสังเขป ทั้งนี้จะขึ้น
อยู่กับเหล็กนำมาใช้ด้วยว่าเป็นเหล็กชนิดไหน มาจากแหล่ง (ประเทศ)
ใด ผลิตที่ใด เพราะศักยภาพในการผลิต กระบวนการผลิตและการ
ควบคุมคุณภาพของงานที่แตกต่างกัน
     การเลือกลวดไม่เหมาะสมกับ material, taper, ความหนาของชิ้น
งานจะทำให้ขนาดไม่ได้, ลวดขาด, connected part เช่น guide,
conductor สึกมาก/เร็ว กว่าปกติ
     3)  ความเหมาะสมกับเครื่องจักร
     ในการ set ค่ากระแสไฟฟ้าของเครื่องจักร การตั้งค่าไฟ (condition
ของเครื่อง)  จะใช้ลวดแต่ละชนิดแตกต่างกัน  ดังนั้นบางครั้งเราจะพบ
ว่าการตัดงานชิ้นเดียวกันแต่ใช้ลวดคนละชนิดกัน จะมีความแตกต่างกัน
ทั้งความเร็ว, ความละเอียดของผิวงาน, ขนาดของชิ้นงาน  ถึงแม้จะเป็น
ลวดทองเหลืองเหมือนกัน
     ในยุโรปจะมีลวดที่ใช้กันโดยทั่วไปเป็นลวด coated wire (และเป็น
ลวดที่มีลิขสิทธิ์)  จะมีลวดให้เลือกใช้ที่เหมาะสมกับชิ้นงาน/ลักษณะ
งานตามที่กล่าวมาข้างต้น คือ
1. Cobra cut มีชนิด cobra cut, A,B,D,E,S
2. Bronco cut มีชนิด bronco cut X,HX