การลดต้นทุน.................... |
|
|
|
แต่เพิ่มประสิทธิภาพของงาน ด้วยการเลือกลวด |
|
ให้เหมาะกับลักษณะงานและชิ้นงาน |
|
|
|
ถ้ามองสภาพเศรษฐกิจในบ้านเราที่ผ่านมาได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว |
และแน่นอนเมื่อถึงจุดต่ำสุด ช่วงต่อไปจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว |
และใครที่สามารถเกาะติดสถานการณ์ก็พลิกสภานการณ์การแข่งขันได้ |
รวดเร็วและมั่นคงก็จะกลับมาเป็นผู้นำได้อีกครั้ง |
|
|
การแข่งขันทางด้านการผลิตแม่พิมพ์จะมีบทบาทมากขึ้นเมื่อทั้งทาง |
การบริการ คุณภาพ และราคา ดังนั้นการเพิ่มคุณภาพของงานแต่ลดต้น |
ทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินกิจการ |
|
|
ในยุโรป ลวดที่ใช้กับเครื่องวายคัต โดยทั่วไปจะเป็นลวด coated |
wire ทั้งสิ้น โดย coated wire นี้ ผลิตออกมาหลายรุ่นเพื่อให้เหมาะ |
กับลักษณะงาน ความหนาของชิ้นงาน ความละเอียด ลักษณะตั้งค่าไฟ |
ของเครื่องวายคัต แต่ละยี่ห้อ/แต่ละรุ่นอีกด้วย |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เหตุที่ต้องเลือกลวดให้เหมาะกับลักษณะดังกล่าวพอสรุปเป็นสังเขป |
1) เพื่อให้ลวดสามารถนำกระแสไฟฟ้าได้เหมาะสมกับชิ้นงาน เช่น |
|
ชิ้นงานที่เป็นทองแดง ลวดที่นำมาตัดควรเป็นลวดทองเหลือง |
|
ชิ้นงานที่เป็นเหล็ก ลวดที่นำมาตัดควรเป็นลวดทองแดง |
|
|
เพราะทองแดงนำกระแสไฟฟ้าได้ดีกว่าทองเหลือง ดังนั้นชิ้นงาน |
|
ที่นำมาตัดถ้าเป็นชิ้นงานเหล็กจะไม่นำกระแสไฟฟ้า ถ้าใช้ทองเหลือง |
|
ที่นำกระแสไฟฟ้าไม่ดี การตัดงานก็จะไม่เร็ว ผิวงานจะไม่เรียบ อุปกรณ์ |
|
นำลวดอาจสึกเร็วขึ้น (เนื่องจากการเพิ่มกระแสไฟระหว่างตัดงาน เพื่อ |
|
ให้ได้งานเร็วขึ้น) |
|
|
|
|
|
|
ลวดโดยทั่วไปจะมีส่วนผสมของ CU และ ZN โดย CU จะเป็นตัว |
|
นำกระแสไฟฟ้าที่ดี ดังนั้นลวดที่มี CU มาก จะสามารถกินเนื้อชิ้นงาน |
|
ได้เร็วและผิวเงานละเอียดกว่าลวดที่มี CU น้อย นอกจากนั้นงานเหล็ก |
|
และทองแดงแล้ว ยังมีชิ้นงานประเภท carbide, aluminum, graphite |
|
ก็จะนำกระแสไฟฟ้าได้แตกต่างกัน ลวดที่จะนำมาใช้ก็จะแตกต่างกันด้วย |
2) เหมาะสมกับความหนาและ taper ส่วนสำคัญอีกอย่างที่ควร |
ทราบสำหรับการเลือกใช้ลวดคือ tensile strength โดย tensile |
|
strength นี้ ในเบื้องต้นจะถูกกำหนดโดยตัวเครื่องจักร เช่น เครื่องวาย |
|
คัตที่ผลิตที่ยุโรป ซึ่งใช้ standard DIN และสำหรับเครื่องที่ผลิตในแถบ |
เอเชีย เช่น ในญี่ปุ่ / ไทย / เกาหลี / จีน จะใช้ standard JIS |
|
เครื่อง wire cut ที่ใช้ standard DIN (เช่น Agie-Charmilles) โดย |
|
ทั่วไปแรงดึงของลวด (tensile strength) ของลวดจะอยู่ที่ประมาณ |
|
441 N/mm2 และถ้าเป็น wire cut ที่ใช้ standard JIS เช่น Sodick |
|
Mitsubishi,Makino,Fanuc เป็นต้น โดยทั่วไปแรงตึงของลวด tensile |
|
strength ของลวดจะอยู่ที่ประมาณ 980 N/mm2 (100kg/mm2) |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ลวด wire cut ที่ขายอยู่ในบ้านเราพอจะแบ่งได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้ |
|
|
ชนิดของลวด วายคัต |
|
แรงดึง tensile strength |
|
S |
soft |
|
|
390-490 N/mm2 |
|
|
SH |
simi hard |
|
|
491-700 N/mm2 |
|
|
H |
hard |
|
|
900 N/mm2 |
|
|
SPH |
special hard |
|
1000-1200 N/mm2 |
|
SPE |
special elongation 2% |
900 N/mm2 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Taper |
Highest |
Cutting Rate at workpiece height of |
|
degree |
Precision |
|
< 150 mm. |
> 150 mm. |
|
< 7 |
SH, H, SPH, SPE |
SH,H,SPE,SPH |
H, SPH |
|
|
8-20 |
SH, S |
|
SH, S |
|
SH, H |
|
|
>20 |
S,SS |
|
SH, S |
|
SH, S |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ตารางข้างต้นใช้เป็นแนวทางในการเลือกลวดได้พอสังเขป ทั้งนี้จะขึ้น |
อยู่กับเหล็กนำมาใช้ด้วยว่าเป็นเหล็กชนิดไหน มาจากแหล่ง (ประเทศ) |
|
ใด ผลิตที่ใด เพราะศักยภาพในการผลิต กระบวนการผลิตและการ |
|
ควบคุมคุณภาพของงานที่แตกต่างกัน |
|
|
|
|
การเลือกลวดไม่เหมาะสมกับ material, taper, ความหนาของชิ้น |
|
งานจะทำให้ขนาดไม่ได้, ลวดขาด, connected part เช่น guide, |
|
conductor สึกมาก/เร็ว กว่าปกติ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
3) ความเหมาะสมกับเครื่องจักร |
|
|
|
|
ในการ set ค่ากระแสไฟฟ้าของเครื่องจักร การตั้งค่าไฟ (condition |
|
ของเครื่อง) จะใช้ลวดแต่ละชนิดแตกต่างกัน ดังนั้นบางครั้งเราจะพบ |
|
ว่าการตัดงานชิ้นเดียวกันแต่ใช้ลวดคนละชนิดกัน จะมีความแตกต่างกัน |
|
ทั้งความเร็ว, ความละเอียดของผิวงาน, ขนาดของชิ้นงาน ถึงแม้จะเป็น |
|
ลวดทองเหลืองเหมือนกัน |
|
|
|
|
|
ในยุโรปจะมีลวดที่ใช้กันโดยทั่วไปเป็นลวด coated wire (และเป็น |
|
ลวดที่มีลิขสิทธิ์) จะมีลวดให้เลือกใช้ที่เหมาะสมกับชิ้นงาน/ลักษณะ |
|
งานตามที่กล่าวมาข้างต้น คือ |
|
|
|
|
|
|
1. Cobra cut |
มีชนิด cobra cut, A,B,D,E,S |
|
|
|
2. Bronco cut |
มีชนิด bronco cut X,HX |
|